เกษตรกรส่วนใหญ่ระบุลักษณะความงามประจำพันธุ์ของควายไทยที่สอดคล้องกัน
โดยมีลักษณะสำคัญซึ่งเป็นจุดสังเกต 5 แห่งด้วยกัน คือ ตรงใต้คอต้องเป็นบั้งสีขาว ต้องมีจุดแต้มบนใบหน้า
มีข้อเท้าขาว มีอัณฑะและปลายลึงค์ที่ไม่หย่อนยาน หนังและขนมีสีเทา เทาดำหรือเทาแดง
โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.1 บั้งคอสีขาว บางแห่งเรียกอ้องคอ หรือบ้องคอ
ลักษณะขนและหนังบริเวณใต้คอเป็นสีขาวรูปตัววี (V) เหมือนแถบบั้งนายสิบ (Chevron) ซึ่งพาดขวางบริเวณใต้คอ(ภาพที่1)
โดยมีความเชื่อว่า นอกจากเป็นลักษณะที่ส่งเสริมให้ควายดูงามแล้ว
ยังถือเป็นลักษณะมงคล
โดยปราชญ์ชาวบ้านระบุว่าถ้าเป็นควายไทยต้องปรากฏลักษณะนี้เด่นชัด
จากตำแหน่งและจำนวนของบั้งคอยังสามารถจำแนกระดับชั้นความงามได้เป็น 3 ระดับ คือ ควายสามอ้องหรือควายสามบั้ง มีตำแหน่งของบั้งคออยู่ใต้คอหอย
1 บั้ง และต่ำลงไปบริเวณเหนืออก 2 บั้ง
รวมเป็น 3 บั้ง ซึ่งถ้าประกอบด้วยลักษณะอื่น เช่น หน้าตา
ท่าทาง รูปร่างทั่วไปฯ ที่ได้ลักษณะครบถ้วนก็จะถือว่าเป็นควายงามในระดับมาก
รองลงมาคือ ควายสองอ้องหรือควายสองบั้ง ตำแหน่งของบั้งคออยู่ใต้คอหอย 1
บั้ง และบริเวณเหนืออก 1 บั้ง
ซึ่งถ้าประกอบด้วยลักษณะอื่นๆ ครบถ้วนก็จัดว่าเป็นควายงามเช่นเดียวกัน
ซึ่งลักษณะควายทั้งสองประเภทนี้ค่อนข้างหายาก
ส่วนใหญ่จะอยู่ในมือเกษตรกรที่นิยมเลี้ยงควายงามซึ่งมักมีราคาสูงกว่าควายที่เลี้ยงทั่วไป
และสำหรับควายที่เลี้ยงโดยเกษตรกรรายย่อยอื่นๆ ซึ่งเป็นควายส่วนใหญ่ของประเทศ
จะมีลักษณะของบั้งคอไม่ชัดจนและมักจะมีเพียง 1 บั้งที่พอมองเห็น
จึงเรียก ควายหนึ่งอ้องหรือควายหนึ่งบั้ง ซึ่งไม่จัดเป็นควายงาม
ปราชญ์ชาวบ้านมีความเห็นว่าควายไทย จะต้องปรากฏลักษณะบั้งคอทุกตัว
แต่บางตัวอาจมองเห็นไม่ชัดเจนถ้าไม่สังเกตให้ดี ซึ่งทำให้ไม่มีจุดเด่น
1.2 จุดขนสีขาวบริเวณใบหน้า ลักษณะเป็นจุดขนสีขาวบนใบหน้าของควาย (ภาพที่ 2) เป็นการส่งเสริมให้หน้าตาของควายไทยดูเด่น
มีจุดดึงดูดสายตา โดยปกติจะพบจุดขนสีขาวบนส่วนของใบหน้า รวม 7 จุด คือ
1) บริเวณเหนือหัวตา นิยมเรียกจุดนี้ว่ากะบี้จับตา หรือกะพี้จับตา
จะต้องมีขนสีขาวเด่นชัด ขนาดและตำแหน่งเหมือนกันทั้งสองข้าง รวมเป็น 2 จุด
2) บริเวณแก้มด้านซ้ายและขวา รวม 2 จุด
ซึ่งจะอยู่ในตำแหน่งประมาณจุดตัดของเส้นตรงที่ลากจากตาของควายลงมาในแนวดิ่งตัดกับสายสะพาย
ซึ่งทั้งสองข้างจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่ตรงกัน
3) บริเวณกรามล่างด้านซ้ายและขวา รวม 2 จุด และในแนวเดียวกันนี้มีจุดขนสีขาวอีก 1 จุด
อยู่ใต้คางในตำแหน่งที่ตรงกัน
โดยมีลักษณะเหมือนเม็ดไฝขนาดใหญ่และมีขนยาวเหมือนเคราผู้ชาย
ซึ่งเม็ดไฝนี้จะพบในควายไทยทุกตัว รวมทั้งหมดเป็น 3 จุดด้วยกัน
ปราชญ์ชาวบ้าน ระบุว่าถ้าเป็นควายที่ถือว่างาม
จะต้องมีจุดขาวนี้ชัดเจนบนใบหน้า มีขนาดเท่ากันและอยู่ในตำแหน่งที่ตรงกัน
จึงจะทำให้ใบหน้าดูเด่นสะดุดตา ส่วนควายที่งามรองลงมา และควายทั่วๆไป
จะมีจุดขาวเฉพาะบางตำแหน่ง ขนาดเล็ก และสีขาวไม่ค่อยเด่นชัด ซึ่งควายที่มีจุดขาวบนใบหน้านี้
คำพูดที่เป็นภาษาปราชญ์ชาวบ้านภาคอีสาน(ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)
จะเรียกลักษณะนี้ว่า “ตาแต้ม
แก้มจ้ำ”
1.3 ข้อเท้าขาว ข้อเท้าหรือแข้งจะปรากฏเป็นขนสีขาวตั้งแต่ช่วงข้อต่อจากเล็บขึ้นมาถึงหัวเข่าทั้งขาหน้า
และขาหลัง มองดูเหมือนการสวมถุงเท้าสีขาว (ภาพที่ 3 ) โดยจะมีสีดำขีดขวางตรงตำแหน่งข้อกีบ
ควายงามมักจะเห็นถุงเท้าสีขาวชัดเจน ทั้งขาหน้าและขาหลัง
และมีขนสีดำตรงข้อต่อกีบชัดเจน ส่วนควายควายทั่วๆ ไป
มักพบสีขาวของข้อเท้าไม่ชัดเจน
โดยเฉพาะควายลูกผสมที่มีสายเลือดของควายนมหรือควายมูร่าห์ สีขนบริเวณของข้อขานี้จะออกเป็นสีเทาอมดำ
แตกต่างกับควายไทยอย่างชัดเจน (ปราชญ์: นครพนม)
1.4 สีหนังและขน ลักษณะสีของควายจะเป็นสีผสมของหนังและขน
และเนื่องจากควายไทยโดยปกติขนไม่ดกหนามาก เหมือนควายพันธุ์นมหรือควายมูราห์
สีที่เห็นจึงเป็นสีของหนังเป็นส่วนใหญ่ โดยสีของควายอาจแตกต่างกันได้
จากแหล่งน้ำที่เลี้ยง สีของดินที่ควายทำปลัก ความสมบูรณ์ร่างกาย
รวมถึงช่วงอายุต่างฯ สีขนของควายไทย ตอนอายุยังน้อยส่วนใหญ่จะเป็นสีเทาขาว
หรือเทาทอง และเมื่ออายุมากขึ้นส่วนใหญ่จะเปลี่ยนเป็นสีดำเข้มขึ้น สีเทาหรือสีเลา
หรือเป็นสีเทาแดง(สีเปลือกเมล็ดมะขาม) สีของควายที่นิยมว่าเป็นควายงาม
สำหรับแม่พันธุ์ จะมีสีเทาถึงเทาดำ ไม่ดำเข้มเท่าเพศผู้ ส่วนพ่อพันธุ์
จะมีสีเทาแดง หรือเทาดำ สีขนจะเป็นสีดำ หรือแดงเหมือนสีของเปลือกเมล็ดมะขาม
และปราชญ์ให้ความเห็นว่าถ้าพบควายที่มีหนังและขนสีดำเข้ม และขนดกยาวกว่าควายทั่วไป
แสดงว่าอาจมีสายเลือดควายมูร่าห์ผสมอยู่